ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้
ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาตปัจจัย.
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดภายหลัง เป็นปัจจัยแก่กายนี้
ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม และอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ด้วยอำนาจของปัจฉาชาต-
ปัจจัย.
พึงกระทำมูลแห่งวาระทั้งสอง.
12. อาเสวนปัจจัย
[242] 1. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย
อำนาจของอาเสวนปัจจัย
คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ที่เกิดก่อน ๆ ฯลฯ โวทาน
เป็นปัจจัยแก่มรรค ด้วยอำนาจของอาเสวนปัจจัย.
13. กัมมปัจจัย
[243] 1. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย
อำนาจของกัมมปัจจัย
มี 2 อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ
ที่เป็น สหขชาตะ ได้แก่
เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ และจิตต-
สมุฏฐานรูปทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่
เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่วิบากขันธ์ และกฏัตตารูป
ทั้งหลาย ที่เป็นอัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
2. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม ด้วย
อำนาจของกัมมปัจจัย
มี 2 อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ
ที่เป็น สหชาตะ ได่แก่
เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่จิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย
ที่เป็นสัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
ที่เป็น นานาขณิกะ ได้แก่
เจตนาที่เป็นอัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่กฏัตตารูปทั้งหลาย ที่เป็น
สัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย.
3. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่สัปปฏิฆธรรม และ
อัปปฏิฆธรรม ด้วยอำนาจของกัมมปัจจัย
มี 2 อย่าง คือที่เป็น สหชาตะ และ นานาขณิกะ
14. วิปากปัจจัย
[244] 1. อัปปฏิฆธรรม เป็นปัจจัยแก่อัปปฏิฆธรรม ด้วย
อำนาจของวิปากปัจจัย
คือ อัปปฏิฆธรรมที่เป็นวิบาก ฯลฯ มี 3 วาระ.